โทรศัพท์ตกน้ำชาร์จไม่เข้า
โทรศัพท์มือถือกลายเป็นสิ่งจำเป็นไปแล้วในยุคนี้ครับ เพราะเอาไว้ใช้ติดต่อสื่อสาร หาข้อมูล เล่นโซเชียล แก้เครียดทำให้ผ่อนคลาย และยังสามารถเอาไว้หารายได้เสริม
แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากเราเผลอทำโทรศัพท์ตกน้ำโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อโทรศัพท์ตกน้ำปรากฏว่านำมาชาร์จแบตเตอรี่แล้วชาร์จไม่เข้า โทรศัพท์ตกน้ำชาร์จไม่เข้า ปัญหานี้มีวิธีแก้อย่างไร ติดตามได้ในบทความนี้ Itnews24hrs สรุปข้อมูลมาให้แล้วครับ
โทรศัพท์ตกน้ำชาร์จไม่เข้า มีโอกาสกลับมาใช้งานได้อีกหรือไม่ ?
การที่โทรศัพท์ตกน้ำชาร์จไม่เข้า มีโอกาสกลับมาใช้งานได้อีกครั้งครับ
แต่สิ่งที่เราห้ามทำ คือ การเปิดเครื่องโทรศัพท์ตกน้ำ ห้ามกดปุ่มใด ๆ ทั้งสิ้น ห้ามนำไปชาร์จแบตในขณะที่ยังมีความชื้น ไม่ควรเขย่า เคาะหรือโยน ไม่แกะโทรศัพท์ออกมาซ่อมหรือเช็กเอง เพราะเราไม่ใช่ช่างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
ในกรณีที่โทรศัพท์ยังอยู่ในระยะเวลาของการประกัน เราสามารถส่งโทรศัพท์เคลมกับศูนย์บริการมือถือได้ครับ
สิ่งที่ควรทำเมื่อโทรศัพท์ตกน้ำชาร์จแบตไม่เข้า
- ถอดสายชาร์จออกจากอุปกรณ์ จากนั้นเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด
- กำจัดความชื้นด้วบการคว่ำด้านพอตเสียบลง ค้างไว้ประมาณ 5-10 วินาที
- วางโทรศัพท์ไว้บนผ้าในบริเวณอากาศถ่ายเทสะดวก หรือใช้พัดลมเป่าให้แห้ง
- หากยังไม่สามารถใช้งานได้ ควรนำมือถือไปเช็กที่ร้านซ่อมโทรศัพท์ทันที
สิ่งที่ห้ามทำเมื่อโทรศัพท์ตกน้ำชาร์จแบตไม่เข้า
- ไม่ควรเคาะหรือออกแรงเขย่าโทรศัพท์ เพราะอาจทำให้โทรศัพท์ได้รับความเสียหาย
- ไม่ควรแกะโทรศัพท์ออกมาซ่อมเอง
- โทรศัพท์ตกน้ำชาร์จแบตไม่เข้า ไม่ควรกดปุ่มเปิด-ปิดโทรศัพท์ในขณะชาร์จแบต
- ไม่ควรนำโทรศัพท์มือถือไปแช่ในถังข้าวสาร เพราะอาจมีเศษฝุ่นหรือเมล็ดข้าวเข้าไปภายในได้
วิธีแก้โทรศัพท์ตกน้ำชาร์จไม่เข้า ต้องทำยังไง ?
1. นำโทรศัพท์ออกห่างจากบริเวณเปียกน้ำ
เมื่อโทรศัพท์ตกน้ำ ให้นำโทรศัพท์ขึ้นมาจากน้ำทันที ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีที่สุด โดยการนำโทรศัพท์ออกห่างจากบริเวณเปียกน้ำหรือในบริเวณที่มีความชื้น
วิธีแก้ไขน้ำเข้าโทรศัพท์ในข้อนี้ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายครับ เพราะหากปล่อยไว้นาน น้ำจะยิ่งเข้าตัวเครื่องมากขึ้น และอาจทำให้เกิดการช็อตของวงจรต่าง ๆ ภายในได้
2. ปิดเครื่องโทรศัพท์ทันที ห้ามใช้งาน
บางครั้งการที่โทรศัพท์ตกน้ำ เครื่องอาจไม่ได้ดับทันทีครับ
เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากน้ำได้แล้ว จะต้องรีบปิดเครื่องโทรศัพท์โดยเร็ว ห้ามใช้งานหรือกดปุ่มใด ๆ เป็นอันขาด สำคัญที่สุดเลย คือ ห้ามนำโทรศัพท์ไปชาร์จแบตทันที เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อตัวเราเอง เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร ไฟช็อต ไฟดูด ฯลฯ
3. ถอดซิม SD Card หรือแบตเตอรี่ ออกให้เกลี้ยง
ในกรณีที่เป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่า จะสามารถถอดแบตเตอรี่ ซิมการ์ด และ SC Card ออกได้ครับ หลังจากนั้นนำเอาแบตเตอรี่ ซิมการ์ด และ SD การ์ด ไปเช็ดให้แห้ง เก็บไว้ดี ๆ อย่าเผลอทำหายเป็นอันขาด เพราะอาจจะทำให้ยุ่งยากมากกว่าเดิมครับ
4. ซับโทรศัพท์ที่เปียกด้วยผ้าแห้ง
เมื่อนำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากน้ำได้แล้ว หลังจากปิดเครื่องถอดซิม SD Card และถอดแบตเตอรี่ออก ให้นำผ้าสะอาดมาซับหรือเช็ดโทรศัพท์มือถือให้แห้งสนิท
โดยเช็ดทำความสะอาดที่ภายนอกของตัวเครื่องเท่านั้น ห้ามแกะโทรศัพท์มือถือเพื่อเช็ดภายใน รวมถึงซ่อมแซมวงจรภายในด้วยตนเอง
5. วางโทรศัพท์ในกล่องสุญญากาศ
หากมีกล่องหรือถุงสุญญากาศให้ใส่โทรศัพท์ลงไปครับ หลังจากนั้นให้ดูดอากาศออกจนหมด เพื่อให้น้ำที่อยู่ภายในถูกดูดออกมาด้วย เป็นการกำจัดความชื้นหรือน้ำที่อยู่ภายในโทรศัพท์อย่างถูกต้อง
ทั้งนี้ไม่แนะนำให้เอาโทรศัพท์ตกน้ำชาร์จไม่เข้าไปแช่ในถังข้าวสาร เพราะแท้จริงแล้วเศษหรือเมล็ดข้าวสารเล็ก ๆ อาจเข้าไปตามช่อง หรือพอร์ตโทรศัพท์ของเรา และสร้างความเสียหายที่รุนแรงได้
6. ใช้ไดร์เป่าผม เป่าลมเย็น
การแก้โทรศัพท์ตกน้ำชาร์จไม่เข้าด้วยการใช้ไดร์เป่าผมหรือเป่าด้วยลมเย็น เพื่อกำจัดความชื้น จะทำให้ความชื้นที่สะสมภายในตัวเครื่องลดน้อยลง ช่วยลดความเสียหาย ที่อาจเกิดกับแผงวงจรภายในโทรศัพท์มือถือของเราได้ครับ
อย่างไรก็ตามการใช้ไดร์เป่าผมหรือการเป่าด้วยลมเย็น จะต้องเป่าภายนอกตัวเครื่องเท่านั้น ไม่ควรแกะส่วนประกอบภายในออกมา หรือไม่ควรแกะโทรศัพท์ออกมาซ่อมเอง เพราะอาจทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในได้รับความเสียหายครับ
7. ส่งซ่อมศูนย์บริการโดยผู้เชี่ยวชาญ
การแก้ไขปัญหาโทรศัพท์ตกน้ำชาร์จไม่เข้าในข้อนี้ เรียกได้ว่าเป็นวิธีแก้ที่ดีที่สุดครับ
เพราะการส่งโทรศัพท์ตกน้ำชาร์จไม่เข้า ที่ยังอยู่ในระยะเวลาประกัน ไปซ่อมที่ศูนย์บริการโดยผู้เชี่ยวชาญ จะไม่มีค่าใช้จ่ายครับ หรือหากต้องจ่ายเงินเพิ่ม ค่าใช้จ่ายจะไม่สูงมาก
ที่สำคัญการส่งโทรศัพท์ตกน้ำชาร์จไม่เข้าไปที่ศูนย์บริการ ยังเป็นการแก้ไขที่ตรงจุด สามารถเปลี่ยนวงจร ชิ้นส่วนต่าง ๆ โดยใช้อะไหล่แท้ ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นของปลอมครับ
ใช้เวลานานไหม กว่าโทรศัพท์จะกลับมาชาร์จเข้า และใช้งานได้อีก
ในกรณีที่เผลอทำโทรศัพท์มือถือตกลงไปในน้ำ หากโทรศัพท์มือถือไม่ได้รับความเสียหายมากเกินไป เมื่อกำจัดความชื้นออกได้แล้ว หรือโทรศัพท์มือถือแห้งสนิทแล้ว หากนำมาชาร์จแบตก็อาจจะใช้งานได้ภายใน 2-3 ชั่วโมงครับ ก็จะใช้งานได้ปกติอีกครั้ง
แต่หากโทรศัพท์ตกน้ำในตำแหน่งที่ลึก หรือจมน้ำเป็นเวลานาน กว่าการที่โทรศัพท์ตกน้ำชาร์จไม่เข้าจะกลับมาใช้ได้ ก็จะใช้ระยะเวลานานกว่า เพราะแผงวงจรภายในเกิดความเสียหายครับ
ในกรณีนี้ จำเป็นต้องส่งให้โทรศัพท์ตกน้ำชาร์จไม่เข้าให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแล จะใช้เวลาซ่อมนานแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับความเสียหายครับ
เปิดเครื่องใช้งานโทรศัพท์ตกน้ำ อันตรายหรือไม่ ?
หากเปิดใช้งานเครื่องโทรศัพท์ตกน้ำทันที มีความเสี่ยงที่เกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจร ไฟช็อต ไฟดูด ได้ครับ
เราจึงควรทำให้โทรศัพท์แห้งสนิทเสียก่อน จากนั้นค่อยเปิดเครื่อง และเสียบชาร์จแขต ซึ่งสามารถทำตามวิธีแก้โทรศัพท์ตกน้ำชาร์จไม่เข้าได้ตามข้อมูลข้างต้นครับ
สรุปเรื่องโทรศัพท์ตกน้ำชาร์จไม่เข้า
ปัญหาโทรศัพท์ตกน้ำชาร์จไม่เข้ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ครับ หากสถานการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น จำเป็นต้องตั้งสติ และมองหาวิธีแก้ไขในแบบที่ทำได้ด้วยตัวเองก่อน หากลองทำตามวิธีแก้ไขเบื้องต้น แต่เครื่องโทรศัพท์ตกน้ำยังชาร์จไม่เข้าแบบเดิม การส่งมือถือไปซ่อมที่ศูนย์บริการ จะเป็นการแก้ไขที่ตอบโจทย์ที่สุดครับ