ในปัจจุบันนี้บัตรเดบิตเป็นบัตรที่มีประโยชน์ต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก เพราะสามารถกดเงินออกไปใช้งานได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ช่วยทำให้เรื่องการจ่ายเงินเป็นเรื่องที่สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น มีความปลอดภัยในการใช้จ่ายมากกว่าการใช้เงินสด และยังสามารถพกไปเที่ยวต่างประเทศได้ช่วยลดความยุ่งยากในการท่องเที่ยวได้ไม่น้อย
บัตรเดบิต คืออะไร
บัตรเดบิต คือ บัตรที่ผูกเอาไว้กับบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตร ใช้ทำรายการต่าง ๆ ผ่านตู้ ATM ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงิน ถอนเงิน สอบถามยอดเงิน หรือชำระค่าสินค้าและบริการ โดยสามารถใช้ทำรายการได้ทั้งที่ร้านค้าและหักเงินเมื่อซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งจะทำการหักเงินออกจากบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตรทันที ทำให้ไม่มีเงื่อนไขในการชำระเงินคืน สามารถนำไปใช้จ่ายได้อย่างอิรสะไม่มีการคิดดอกเบี้ย
ข้อดีของการใช้บัตรเดบิต มีอะไรบ้าง
- สะดวก สามารถชำระเงินได้อย่างรวดเร็ว และยังไม่ต้องเสียเวลาในการทอนเงิน
- ได้รับสิทธิประโยชน์มากมายเพิ่มเติมตามโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดในการสั่งซื้อสินค้า การโอนเงินโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
- สามารถควบคุมการใช้จ่ายได้ดีกว่าการทำบัตรเครดิต
- เป็นทางรอดฉุกเฉินเมื่อแอปธนาคารล่ม แบตหมด สัญญาณมือถือหาย แต่ก็ยังสามารถใช้บัตรเดบิตกดเงินได้
- ในกรณีที่ทำบัตรหายสามารถระงับหรืออายัดบัตรได้ทันที
บัตรเดบิต ใช้จ่ายค่าอะไรได้บ้าง
สำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิต สามารถใช้จ่ายอะไรได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการรูดซื้อสินค้าจากร้านค้าชั้นนำ หรือสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเงินในบัญชีจะถูกหักออกทันที อีกทั้งยังสามารถนำบัตรเดบิตไปกดเงินที่ตู้ ATM ได้สูงสุดถึงวันละ 500,000 บาท
สมัครบัตรเดบิต ต้องมีอายุเท่าไหร่
เงื่อนไขในการสมัครทำบัตรเดบิตจะสามารถทำบัตรเดบิตได้เมื่อมีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป แต่ในกรณีที่อายุยังไม่ถึง 15 ปี จะต้องมีผู้ปกครองให้ความยินยอมก่อน โดยต้องทำการเปิดบัญชีเงินฝากออทรัพย์ขั้นต่ำ 500 บาท หรือบัญชีเงินฝากกระแสรายวันขั้นต่ำ 10,000 บาท ไม่มีการจำกัดรายได้ขั้นต่ำ
เอกสารที่ใช้เมื่อสมัครบัตรเดบิต
- บัตรประจำตัวประชาชน หรือเอกสารที่ใช้ในการแสดงตัวตนพร้อมสำเนา
- สมุดบัญชีเงินฝาก (ถ้ามี) โดยให้ทำการติดต่อกับสาขาที่ทำการเปิดบัญชีเท่านั้น
วิธีการใช้บัตรเดบิตให้ปลอดภัย ควรทำอย่างไร
- ตั้งรหัสผ่านให้เดายาก แนะนำไม่ให้ตั้งเป็นเลขซ้ำกัน เช่น 2222 , 5555 หรือเลขที่เกี่ยวกับเจ้าของบัตรที่ทำให้คนร้ายสามารถเดาได้ง่าย เช่น รหัสวันเกิด เบอร์โทรศัพท์ เลขบัตรประชาชน
- ไม่บอกหมายเลขบัตรเดบิตให้ผู้อื่นทราบ โดยเฉพาะการให้เลขบัตรเดบิตทางโทรศัพท์มือถือที่ไม่มีการขอเอกสารยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร
- เปิดการแจ้งเตือนการใช้งาน เพื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวเมื่อมีการใช้งานบัตรเดบิตแบบเรียลไทม์
- ตรวจสอบการทำรายการของบัญชีอย่างสม่ำเสมอ เพราะเมื่อมียอดเงินเรียกเก็บที่ไม่ตรงกับจำนวนที่ซื้อก็จะได้สามารถแก้ไขได้ทันเวลา
- อย่าปล่อยให้บัตรคลาดสายตา หากคลาดสายตาแค่แป๊บเดียวก็อาจถูกขโมยข้อมูลบัตรได้แล้ว
- เมื่อจำเป็นต้องใช้งานคอมพิวเตอร์สาธารณะ ให้เปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตน เพื่อป้องกันการถูกบันทึกข้อมูลในขณะใช้งาน
สิ่งที่ต้องระวังให้ดีเกี่ยวกับการใช้บัตรเดบิต
- ควรตั้งรหัส PIN ให้ยากต่อการสุ่มเดา รวมถึงไม่ควรเปิดเผยข้อมูลกับผู้อื่นและควรเปลี่ยนรหัสอยู่เสมอ
- ควรดูผู้ขายในขณะที่ทำการรูดบัตร เพื่อเป็นการป้องกันการขโมยข้อมูล
- ตรวจสอบจำนวนเงินให้ถูกต้องก่อนที่จะทำการเซ็นชื่อบน Slip หรือกดรหัส PIN ที่เครื่องรูดบัตร
- เลือกใช้งานประเภทของบัตรเดบิตให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด
- ในกรณีที่ทำบัตรหาย ให้ทำการติดต่อธนาคารทันที เพื่อทำการแจ้งอายัดบัตร
บัตรเดบิต กับ บัตรเครดิต แตกต่างกันอย่างไร
บัตรเดบิต มีความแตกต่างกับ บัตรเครดิตมากพอสมควร เนื่องจากการใช้งานบัตรเดบิตนั้นสามารถใช้ถอนเงินสดออกมาได้โดยที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม และยังมีโปรโมชั่นส่วนลดต่าง ๆ มากมาย ซึ่งจะทำการผูกกับบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตร
ส่วนบัตรเครติด เป็นบัตรที่เราสามารถใช้กดเงินสดออกมาใช้งานได้ตามวงเงินที่ได้รับอนุมัติ แต่จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเมื่อกดเงินออกมาใช้งาน 3% ของยอดการกดเงินสด และยังเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% ของยอดค่าธรรมเนียม
สำหรับการใช้งานบัตรเดบิตนั้น เรียกได้ว่าเป็นบัตรที่ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก เพียงใช้งานบัตรเดบิตเพียงใบเดียวก็สามารถท่องเที่ยวไปได้ทั่วโลกแล้ว แถมยังสามารถใช้จ่ายสินค้าและบริการในร้านค้าชั้นนำหรือจ่ายค่าสินค้าที่สั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายมากๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบัตรเดบิตก็มีให้เลือกใช้งานอยู่หลายประเภท ทำให้ก่อนที่จะทำบัตรเดบิตควรทำการศึกษาข้อมูล เงื่อนไขต่าง ๆ ให้เข้าใจเสียก่อน เพื่อให้ได้บัตรเดบิตที่เหมาะสมกับการใช้งาน เป็นประโยชน์ และคุ้มค่ามากที่สุด