Rootkit คืออะไร ? โจมตีอย่างไร ? พร้อมวิธีการลบออกจากเครื่อง

Rootkit คืออะไร โจมตีอย่างไร พร้อมวิธีการลบ
Rootkit คืออะไร ? โจมตีอย่างไร ? พร้อมวิธีการลบออกจากเครื่อง

รูตคิต (Rootkit)

รูตคิต (Rootkit) เป็นซอฟต์แวร์สุดอันตราย ที่จะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ถูกผู้ไม่ประสงค์ดี เข้ามาขโมยข้อมูลของเราได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอยู่เกิดปัญหา โดยแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ในระยะไกลได้แบบถาวร 

คลิกอ่านหัวข้อที่สนใจ

ในบทความนี้ Itnews24hrs จะมาสรุปข้อมูลให้ได้อ่านกันครับ ว่า Rootkit คืออะไร ? มีกี่ประเภท ? มีลักษณะการโจมตีเป็นแบบไหน พร้อมแนะนำแนวทางการลบออกจากเครื่อง และวิธีการป้องกันก่อนถูกโจมตี

ทำความรู้จัก Rootkit คืออะไร ?

รูตคิต (Rootkit) คือ การรวมตัวของซอฟต์แวร์หลายตัวเข้าไว้ด้วยกัน เรียกอีกอย่างหนึ่งว่ามัลแวร์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ ที่เหล่าแฮกเกอร์สร้างขึ้นมาในพื้นที่ของคอมพิวเตอร์ โดยวัตถุประสงค์ของเหล่าแฮกเกอร์ ก็คือ การขโมยข้อมูลสำคัญของเครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวไปใช้ในทางที่ผิด

ประเภทของ Rootkit ที่ควรรู้

ประเภทของ Rootkit ที่ควรรู้ ?

Rootkit มีหลากหลายประเภทด้วยกัน ซึ่งจะแบ่งตามขั้นตอนในการโจมตี การซ่อนการทำงานในระบบ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ดังต่อไปนี้

1. Bootkit หรือ Bootloader Rootkit

Bootkit หรือ Bootloader Rootkit มีการฝังตัวอยู่ใน Master Boot Record ของ Hard Drive หรือความจำอื่น ๆ ที่มีการเชื่อมต่อเข้าระบบคอมพิวเตอร์ และจะเข้าไปยุ่งในส่วนของขั้นตอนการบูตไดร์ฟ เพื่อควบคุมระบบของเป้าหมายในระยะไกล

2. User mode Rootkit

User mode Rootkit จะมีการทำงานเหมือนซอฟต์แวร์โดยทั่วไป ที่มีการทำงานแบบอัตโนมัติเมื่อคอมพิวเตอร์เปิดเครื่องขึ้นมา โดยจะมีการโจมตีโดยการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น โดยเฉพาะ Windows ให้มีรูปแบบการใช้งานที่เปลี่ยนไป

3. Firmware Rootkit

Firmware Rootkit จะมีการโจมตีซอฟต์แวร์ที่ทำงานคู่กับฮาร์ดแวร์โดยตรง ซึ่งจะมีการฝังอยู่ในซอฟต์แวร์ที่ทำงานในส่วนของขั้นตอนการบูตระบบ โดยถือว่าเป็นมัลแวร์ที่มีช่องโหว่ที่จะทำให้เราแฮกเกอร์ สามารถเข้าไปขโมยข้อมูลและควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดาย

4. Kernel Mode Rootkit

Kernel Mode Rootkit มีการออกแบบมา เพื่อเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของระบบปฏิบัติการ โดยต้องการแทรกโค้ดของตัวมันเองลงไป พร้อมกับเปลี่ยนโครงสร้างของเครื่องคอมพิวเตอร์และอาศัยช่องโหว่ของระบบปฏิบัติการ เข้ามาแทรกแซง และขโมยข้อมูลสำคัญของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว

5. Virtualized Rootkit

Virtualized Rootkit เป็นมัลแวร์ที่เข้าไปแทรกแซงการทำงานของ Hypervisor Controlling จึงทำให้มันสามารถทำงานได้แนบเนียนกับระบบ ทำให้ผู้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องดังกล่าว ไม่สามารถจับผิดความผิดปกติได้ทันที ซึ่งจะมีรูปแบบในการตรวจสอบที่ค่อนข้างยาก และมีขั้นตอนในการแก้ไขที่สลับซับซ้อน

6. Memory Rootkit

Memory Rootkit มีการฝังลึกอยู่ในระบบอย่างยาวนาน มีรูปแบบการติดตั้งมัลแวร์ที่ถาวรลงใน Drive เก็บข้อมูลหรือเมมโมรี่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าแทรกแซงในการขโมยข้อมูล และไฟล์สำคัญต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวในระยะไกล

ลักษณะการโจมตี Rootkit เป็นแบบไหน

ลักษณะการโจมตี Rootkit เป็นแบบไหน ?

สำหรับลักษณะการโจมตีของ Rootkit จะเป็นการเปิดช่องว่าง เพื่อให้ผู้อื่นเข้ามาติดตั้งโปรแกรมภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมกับได้รับสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ จึงทำให้สามารถขโมยข้อมูลหรือลบไฟล์ต่าง ๆ ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดาย แม้จะอยู่ในระยะที่ไกลก็ตาม

รู้ได้ยังไง ว่าโดนรูตคิตโจมตี ?

สำหรับข้อสังเกตในการถูกรูตคิตโจมตี ก็สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ด้วยตนเองดังนี้

  • ถูกลบไฟล์หรือข้อมูลบนเครื่องคอมพิวเตอร์แบบไร้สาเหตุ
  • ปรากฏตัวโปรแกรมที่เราไม่คุ้นเคย
  • สังเกตได้ชัดว่าคอมพิวเตอร์มีรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป

สาเหตุที่ทำให้ถูกมัลแวร์ Rootkit โจมตี

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ถูกมัลแวร์ Rootkit เข้าโจมตีได้อย่างง่ายดาย มีรายละเอียดดังนี้

  • การไม่ให้ความสำคัญในการอัปเดตโปรแกรมสแกนมัลแวร์
  • การคลิกลิงก์หรือใช้งานเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
  • การติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows ที่ไม่ใช่ของแท้ 

เมื่อเราถูก Rootkit โจมตี สร้างความเสียหายอย่างไร ?

การถูก Rootkit โจมตี ส่งผลความเสียหายต่อระบบปฏิบัติการ Windows ที่ทำให้มีการทำงานที่ผิดปกติ มีการบูทเข้าตัวเครื่องที่ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด 

และมักพบกับกิจกรรม รายชื่อแปลก ๆ ที่ปรากฏอยู่บนเบราวเซอร์ต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ใช้งาน อีกทั้งเหล่าแฮกเกอร์ยังสามารถเข้ามาขโมยข้อมูล และไฟล์สำคัญต่าง ๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

แนวทางการลบ Rootkit ออกจากเครื่อง

แนวทางการลบ Rootkit ออกจากเครื่อง

สำหรับแนวทางในการลบ Rootkit แบบถาวรออกจากตัวเครื่อง ให้เราติดตั้งโปรแกรมสแกนไวรัสที่มีความน่าเชื่อถือ ก็จะมีส่วนช่วยในการกำจัด Rootkit และรวมไปถึงไวรัสชนิดอื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีส่วนป้องกันไม่ให้เหล่าแฮกเกอร์เข้ามาขโมยข้อมูลสำคัญของเราได้อย่างง่ายดาย

วิธีป้องกันการถูกมัลแวร์รูตคิตโจมตี

เพื่อป้องกันไม่ให้มัลแวร์รูตคิตเข้าโจมตีเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างง่ายดายนั่นเอง เราก็สรุปวิธีป้องกันรูตคิตโจมตีเอาไว้ดังนี้ 

1. ติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกัน Antivirus

การที่เราติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสต่าง ๆ มีส่วนช่วยในการป้องกันสิ่งแปลกปลอม หรือป้องกันการโจมตีของรูตคิตได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการป้องกันข้อมูลสำคัญบนเครื่องได้ดีที่สุด และยังเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานได้ราบรื่นอีกด้วย

 2. หลีกเลี่ยงการใช้งานเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ

การที่เราใช้งานเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจจะทำให้ถูกมัลแวร์รูตคิตโจมตีได้อย่างง่ายดาย เพราะฉะนั้นการหลีกเลี่ยงในการใช้งานเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ก็ถือว่าเป็นวิธีในการป้องกันได้ดีที่สุดเลยทีเดียว

มีการอัปเดตโปรแกรมสแกนไวรัสอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกัน rootkit

3. มีการอัปเดตโปรแกรมสแกนไวรัสอย่างสม่ำเสมอ

ภายหลังจากที่เราติดตั้งโปรแกรมสแกนไวรัส เราควรให้ความสำคัญในการบำรุงรักษาร่วมด้วย ด้วยการอัปเดตโปรแกรมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของตัวโปรแกรม ให้สามารถตรวจจับสิ่งผิดปกติบนคอมพิวเตอร์ได้อย่างเสถียรและมีประสิทธิภาพ

4. บำรุงรักษาระบบปฏิบัติการให้เป็นเวอร์ล่าสุด

โดยเราจะต้องให้ความสำคัญในการอัปเดตระบบปฏิบัติการในส่วนต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับรู้จักวิธีการแก้ไขในแบบเบื้องต้นด้วยตนเอง ก็จะมีส่วนช่วยในการป้องกันปัญหาไวรัส และอุดช่องโหว่ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ Hacker สามารถเข้ามาขโมยข้อมูลสำคัญบนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ง่ายดาย

5. คิดก่อนคลิกเสมอ เมื่อใช้งานเว็บไซต์

สำหรับเว็บไซต์ต่าง ๆ จะประกอบไปด้วยลิงก์โฆษณาและป้ายโฆษณา มาพร้อมกับสิ่งที่ล่อตาล่อใจอย่างการแจกของฟรี ดังนั้นเราควรระมัดระวังในการคลิกลิงก์และคลิกป้ายโฆษณาต่าง ๆ ที่ไม่น่าเชื่อถือ ก็ถือว่าเป็นการป้องกันในการไม่ให้ถูกโจมตีโดย Rootkit ได้อย่างง่ายดายนั่นเอง

หลีกเลี่ยงการใช้ WiFi สาธารณะ เพื่อกัน rootkit

6. หลีกเลี่ยงการใช้ WiFi สาธารณะ

เราควรหลีกเลี่ยงในการใช้ WiFi สาธารณะ แบบที่ไม่มีการกรอก User และ Password เพราะอาจส่งผลที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ถูกคุกคามโดยแฮกเกอร์หรือไวรัสต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นการใช้อินเทอร์เน็ตส่วนตัวของเราเอง ถือว่าเป็นทางเลือกในการใช้งานที่ปลอดภัยมากกว่า

7. ตั้งรหัสผ่านที่มีความแข็งแรงคาดเดาได้ยาก

การตั้งค่ารหัสผ่านบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่มีความแข็งแรงและคาดเดาได้ยาก มีส่วนช่วยในการป้องกันข้อมูลต่าง ๆ อย่างข้อมูลส่วนตัว และไฟล์สำคัญต่าง ๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ดีที่สุด ที่จะทำให้แฮกเกอร์ไม่สามารถแฮกข้อมูลของเราได้อย่างง่ายดาย

สรุปเรื่องการถูกโจมตีจาก Rootkit

Rootkit เป็นโปรแกรมชนิดหนึ่งที่ซ่อนอยู่ภายในคอมพิวเตอร์ มีการออกแบบและฝังตัวอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อเปิดให้ผู้บุกรุกสามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ของเราได้อย่างง่ายดาย สำหรับวิธีการป้องกันตามที่แนะนำไปข้างต้น ถือว่าเป็นวิธีการป้องกันที่ดีที่สุด ที่จะช่วยไม่ให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเกิดช่องโหว่ และถูกแฮกข้อมูลได้อย่างง่ายดายอีกด้วย